รายการแสวงบุญ
สักการะสังเวชนียสถาน และ ทอดผ้าป่า 10 วัน 9 วัด
ในดินแดนพุทธภูมิ อินเดีย-เนปาล
นำโดย ดร. สังคม แชเชือน
รายการโดยย่อ
กรุงเทพฯ – กัลกัตตา – พุทธคยา – ราชคฤห์ – นาลันทา – เวสาลี – กุสินารา
ลุมพินี (เนปาล) – กบิลพัสตร์ – สาวัตถี – พาราณสี –พุทธคยา – กัลกัตตา – กรุงเทพฯ
กำหนดการเดินทาง
05-14 มีนาคม 2561
[bg_collapse view=”button-orange” color=”#4a4949″ icon=”eye” expand_text=”แสดงโปรแกรมทัวร์วันที่ 1″ collapse_text=”ย่อโปรแกรมทัวร์วันที่ 1″ ]
วันจันทร์ ที่ 05 มีนาคม 2561 (แรม 4 ค่ำ เดือน 4) (สุวรรณภูมิ-กัลกัตตา-พุทธคยา)
02.00 น. พร้อมกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ ชั้น 4 ประตู 3 เคาน์เตอร์ E สายการบินสไปซ์เจ็ต เที่ยวบิน ที่ SG 84
05.10 น. เครื่องออกจากสนามบินสุวรรณภูมิ
06.25 น. เครื่องลงสนามบินกัลกัตตา ประเทศอินเดีย พร้อมเช็คเอาท์ และขึ้นรถบัสเดินทางต่อไปพุทธคยา
07.00 น. ทานอาหารเช้าบนรถ
11.30 น. ทานอาหารเที่ยงบนรถ
15.00 น. ถึงวัดลาวพุทธคยานานาชาติเข้าที่พัก พักผ่อนตามอัธยาศัย
16.30 น. เข้านมัสการและเยี่ยมชมพระมหาโพธิ์เจดีย์ อันเป็นเจดีย์ที่ตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า คณะเข้านมัสการและขอพรพระพุทธเมตตา ซึ่งประดิษฐานอยู่ภายในเจดีย์พระองค์นี้ ซึ่งเป็นพระพุทธรูปที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญยิ่งถึงกับพระเจ้าศสางกาให้ทหารทำลาย แต่ทำลายไม่ได้และพระองค์เองไม่นานนักก็สิ้นพระชนม์
คณะนำชมสิ่งสำคัญรอบ ๆ พระเจดีย์ นั่นคือ 1) ต้นพระศรีมหาโพธิ์ แม้ต้นนี้เป็นต้นที่ 4 ก็ถือว่าสำคัญยิ่ง เพราะงอกงามอยู่ในที่ซึ่งต้นเดิมอยู่นั่นแหละ 2) พระแท่นวัชรอาสน์ ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างองค์พระเจดีย์และต้นพระศรีมหาโพธิ์ สถานที่ประทับในคืนตรัสรู้ ซึ่งพระองค์ทรงลาดหญ้ากุสะเป็นบัลลังก์ประทับนั่ง และพระองค์ได้ทรงอธิษฐาน ณ อาสนะนี้ ความว่า “หากแม้นเลือดและเนื้อจะเหือดจะแห้งอย่างไร ถ้าไม่บรรลุพระอรหันตสัมมาสัมโพธิญาณแล้วจักไม่เสด็จลุกขึ้นจากอาสนะนี้” อาสนะนี้จึงได้ชื่อว่า วัชระอาสน์ ซึ่งวัชระ แปลว่า เพชร, อาสนะ แปลว่า ที่นั่ง ดังนั้น วัชระอาสน์ จึงแปลว่า ที่นั่งของบุรุษใจเพชร (แข็ง) 3) อนิมิสสเจดีย์ อนุสรณ์สถานที่พระพุทธองค์เสวยวิมุตติสุขในสัปดาห์ที่ 2 โดยประทับยืนมองไปยังต้นพระศรีมหาโพธิ์และไม่กระพริบ พระเนตรตลอด 7 วัน ซึ่งอยู่ด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือ(นิดๆ)ของต้นพระศรีมหาโพธิ์ 4) รัตนจงกรมเจดีย์ ด้านทิศเหนือขององค์พระเจดีย์ มีรัตนจงกรมเจดีย์คือ อนุสรณ์สถานที่พระพุทธองค์ทรงใช้เสวยวิมุตติสุขอีก 7 วัน โดยเสด็จเดินจงกรมตลอด 7 วัน ในสัปดาห์ที่ 3 หลังจากตรัสรู้ 5) รัตนฆรเจดีย์ สถานที่ทรงนั่งสมาธิพิจารณาอภิธรรม ในสัปดาห์ที่ 4 อีก 7 วัน ซึ่งอยู่ทิศเหนือของต้นพระศรีมหาโพธิ์ 6) สระมุจจลินทร์จำลอง ซึ่งอยู่ทางทิศใต้ของพระเจดีย์ (สระมุจจลินทร์จริง อยู่ห่างจาก พระศรีมหาโพธิ์ ประมาณ 2 กม. คณะไม่นำไป ที่ต้นราชายตนะก็ไม่นำไป ซึ่งอยู่ไกลไปทางใต้ ไกลจากสระมุจจลินทร์อีกประมาณ 1 กม. หรือห่างต้นพระศรีมหาโพธิ์ประมาณ 3 กม.)
จากนั้น นำกล่าวคำบูชาองค์พระเจดีย์ ต้นพระศรีมหาโพธิ์ ตลอดจนนำไหว้พระ สมาธิภาวนา อธิษฐานจิต ถวายเป็นพระราชกุศลแด่ในหลวง อธิษฐานบุญเพื่อคนที่เรารักทุกๆท่าน ฟังปรารภธรรมพอสมควรแก่เวลา ลุกขึ้นพร้อมกันทำประทักษิณ เวียนรอบองค์พระเจดีย์และพระศรีมหาโพธิ์ 3 รอบ ได้เวลาพอสมควร( ผู้ใดประสงค์สมาทานศีล 8 ก็สามารถสมาทานได้ใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์) ได้เวลาพอสมควรกลับเข้าที่พัก
19.30 น. ทานอาหารเย็นที่วัดลาวพุทธคยานานาชาติและพักผ่อนตามอัธยาศัย[/bg_collapse]
[bg_collapse view=”button-orange” color=”#4a4949″ icon=”eye” expand_text=”แสดงโปรแกรมทัวร์วันที่ 2″ collapse_text=”ย่อโปรแกรมทัวร์วันที่ 2″ ]
วันอังคาร ที่ 06 มีนาคม 2561 (แรม 5 ค่ำ เดือน 4) (พุทธคยา-ราชคฤห์-นาลันทา)
05.30 น. ทานอาหารเช้า
06.00 น. นำคณะคณะขึ้นภูเขาคิชฌกูฏโดยนมัสการและชมสิ่งต่าง ๆ ดังนี้
1) ภูเขาคิชฌกูฏ ผู้ขึ้นที่สูงไม่ไหวสามารถใช้เสลี่ยงได้ โดยต้องจ่ายคนละ 1,300-1,400 รูปี ณ ภูเขาคิชฌกูฏนี้มีสิ่งสำคัญอีกมากมาย คือ 1.1) มัตถกุจฉิ- สถานที่พระมารดาของพระเจ้าอชาตศัตรูเสด็จมาจะทำแท้ง 1.2) ถ้ำพระมหาโมคคัลลาน ผู้เลิศทางอิทธิฤทธิ์ เราเข้าไปกราบขอพร 1.3) ถ้ำสุกรขาตา หรือถ้ำคางหมู เป็นถ้ำที่พระสารีบุตรอยู่อาศัย และ พระสารีบุตรบรรลุพระอรหันต์ที่ถ้ำนี้ ซึ่งเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ถ้ำพระสารีบุตร คณะเราเข้า ไปกราบขอพร 1.4) ลานหินโค้ง สถานที่พระพุทธองค์ทรงประทับแสดงธรรมแก่พระภิกษุสงฆ์ ขณะที่ประทับที่เขาคิชฌกูฏ 1.5) กุฏิพระอานนท์ ซึ่งเป็นที่อาศัยของพระอานนท์ ตั้งอยู่หน้าพระคันธกุฎีของพระพุทธเจ้า 1.6) พระคันธกุฎี กุฏิที่พระพุทธองค์ทรงประทับ ซึ่งอยู่บนเงื่อมยอดภูเขาคิชฌกูฏ ณ ยอดคิชฌกูฏเราสามารถมองสิ่งต่างๆอื่นดูได้อีก เช่น สระโบกขรณี ขณะที่ยืน ณ พระคันธกุฎี สามารถมองลงไปข้างล่างเห็นสระน้ำที่เคยสรงสนานและร่องรอยยังมีอยู่ ภูเขาปาณฑวะ ภูเขาอิสิคิลิ ยอดรัตนคีรี (วัดญี่ปุ่นประดิษฐานอยู่) จบกิจกรรมไหว้พระ สมาธิภาวนา บูชา บนยอดคิชฌกูกแล้ว ลงมาแวะชม 2) โรงพยาบาล หมอชีวก อีกหน่อยหนึ่ง และต่อด้วยการเยี่ยมชม 3.คุกพระเจ้าพิมพิสาร สถานที่พระเจ้าอชาตศัตรู ผู้เป็นราชบุตรของพระเจ้าพิมพิสาร ได้จับเสด็จพ่อคือ พระเจ้าพิมพิสารขังไว้ในคุก ทรมานจนสิ้นพระชนม์ในคุกนั้น 4.) ตโปทา บ่อน้ำร้อน ที่ไหลมาจากภูเขาเวภาระ คณะจะได้ดูชม ชนชั้นสูงอาบน้ำ ณ ต้นน้ำ ชนชั้นต่ำอาบน้ำ ณ ชั้นล่างที่น้ำขุ่นคลักแล้วอย่างน่าสมเพช แต่ก็เขาไม่ รังเกียจที่จะอาบและใช้สอย 5.) วัดเวฬุวัน ซึ่งเป็นวัดแห่งแรกของพระ พุทธศาสนา ที่พระเจ้าพิมพิสารได้ถวายให้เป็นวัด และเป็นพุทธบูชา สถานที่นี้เป็นต้นกำเนิดวันมาฆบูชา ที่พระอรหันต์ 1,250 รูป มาประชุมกันโดยมิได้นัดหมาย และพระพุทธองค์ทรงประทานโอวาทปาติโมกข์
12.00 น. ทานอาหารเที่ยงที่วัดไทยนาลันทา
13.00 น. เดินทางต่อราชคฤห์ มหาวิทยาลัยนาลันทา เข้าชม มหาวิทยาลัยนาลันทาเก่า แม้คนนอกศาสนาจะเผาทำลายจนเหลือแต่ซากแล้วก็ตาม ก็ยังคงมีร่องรอยแสดงความยิ่งใหญ่ และโอฬารให้คณะผู้เยี่ยมเยียนได้ชม จากนั้นก็ เข้านมัสการพระพุทธเจ้าองค์ดำ ซึ่งกล่าวกันว่า เป็นพระ พุทธรูปที่ศักดิ์สิทธิ์มากองค์หนึ่ง ที่ประชาชนบนบานอันใด มักจะสัมฤทธิ์ผลเสมอ ๆ จึงทำให้ประชาชนนับถือพระพุทธรูปองค์นี้มาก จากนั้น คณะของเราก็เดินทางต่อไปนาลันทา
18.00 น. ถึงวัดไทยนาลันทา
ทานอาหารเย็น ทอดผ้าป่าเป็นกองแรก
พักผ่อนตามอัธยาศัย[/bg_collapse]
[bg_collapse view=”button-orange” color=”#4a4949″ icon=”eye” expand_text=”แสดงโปรแกรมทัวร์วันที่ 3″ collapse_text=”ย่อโปรแกรมทัวร์วันที่ 3″ ]
วันพุธ ที่ 07 มีนาคม 2561 (แรม 6 ค่ำ เดือน 4) (นาลันทา-เวสาลี-กุสินาราฯ)
06.00 น. อาหารเช้า และเดินทางไปเวสาลี
10.00 น. นำคณะเข้าสักการะ และประทักษิณองค์พระเจดีย์พระเจ้าอโศกมหาราช ที่ กูฏาคารศาลาป่ามหาวัน พร้อมทั้งชมเสาศิลาจารึกของพระเจ้าอโศกมหาราชที่สมบูรณ์ที่สุด ซึ่งมีอยู่ต้นหนึ่งที่นี่ จากนั้น ไปนมัสการและประทักษิณองค์พระเจดีย์อีกองค์หนึ่งที่ปาวาลเจดีย์
11.30 น. ทานอาหารเที่ยงที่วัดไทยเวสาลีเรียบร้อยแล้วร่วมกันถวายผ้าป่าอีกกองหนึ่งอันเป็นกองที่ 2 เพื่อช่วยเหลือกิจสงฆ์ที่นี่คามกำลังศรัทธา
13.00 น. เดินทางต่อไปเมืองกุสินารา ระหว่างทาง เข้านมัสการพระเจดีย์อีกองค์ ซึ่งเพิ่งจะค้นพบ กล่าวกันว่า เป็นเจดีย์ที่เก็บบาตรของพระพุทธองค์ ชื่อ เกสะริยา เป็นเจดีย์ที่ใหญ่มาก และยังมีกล่าวอีกว่า เป็นที่พระพุทธองค์ ทรงแสดง กาลามสูตร แก่ชาวกาลามะ ด้วย
18.30 น. ถึงเมืองกุสินารา ตรงไปที่วัดไทยกุสินาราฯ ซึ่งเป็นวัดที่สวยงามวัดหนึ่ง คณะของเราพักที่นี่
19.40 น. หลังอาหารเย็นแล้ว ร่วมกันถวายผ้าป่าที่วัดนี่ อันเป็นวัดที่ 3 อธิษฐานบุญแล้ว พักผ่อนตามอัธยาศัย ท่านใดขอพรเพิ่มบุญให้กับตัวเองโดยการเดินประทักษิณ 33 รอบหรือเท่าอายุตัวเองที่เจดีย์พระธาตุได้บุญโขเลยทีเดียวแล้วอธิฐานบุญต่อเผื่อคนที่คุณรักด้วย[/bg_collapse]
[bg_collapse view=”button-orange” color=”#4a4949″ icon=”eye” expand_text=”แสดงโปรแกรมทัวร์วันที่ 4″ collapse_text=”ย่อโปรแกรมทัวร์วันที่ 4″ ]
วันพฤหัสบดี ที่ 08 มีนาคม 2561 (แรม 7 ค่ำ เดือน 4) (กุสินารา-ลุมพินี)
06.00 น. ทานอาหารเช้า เตรียมตัวขึ้นรถไปนมัสการมกุฏพันธนเจดีย์ สถานที่ถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระ จากนั้นเดินทางต่อมาที่พระพุทธรูปปางปรินิพพาน ถวายสักการบูชาด้วยผ้าห่มองค์พุทธรูป ต่อด้วยคำบูชา สมาธิภาวนา ตามสมควรแก่เวลา และไปทำประทักษิณรอบองค์พระเจดีย์ที่เสด็จดับขันธปรินิพพานและเมื่อได้เวลาพอสมควร ก็เข้าวัดไทยกุสิารา
11.30 น. ทานอาหารเที่ยงที่วัดไทยกุสินารา
12.00 น. เดินทางต่อไปลุมพินีวันประเทศเนปาล แวะเข้าห้องน้ำที่สวยและสะอาดที่สุดที่วัด 960 และให้ทุกท่านได้ชิมโรตีอรีด่อยทอดกันสดๆ
16.00 น. ถึงด่านโสโนลี ผ่านด่านเข้าประเทศเรียบร้อยแล้ว ตรงไปที่ลุมพินีวันนั่งรถเล็กต่อไปที่
5.1) มายาเทวีวิหาร ซึ่งเป็นวิหารที่ประดิษฐานพระรูปของพระนางสิริมหามายาประสูติ พระกุมาร แต่ขณะนี้ได้รับการขุดและซ่อมแซมเปลี่ยนรูปทรงเป็นอีกแบบหนึ่งแล้ว 5.2) รูปรอยฝ่าพระบาทของ พระกุมาร ได้รับเล่าว่า หลังจากขุดค้นในวิหารแล้วเจอรอยนี้ จึงสันนิษฐานว่า ณ รอยฝ่าพระบาทจำลองนี้ประดิษฐานนั้นแหละ คือ จุดประสูติที่แท้จริง 5.3) เสาศิลาจารึกพระเจ้าอโศก ซึ่งประดิษฐานอยู่ ด้านหลังของมายาเทวีวิหาร 5.4) สระโบกขรณี สระสรงสนานหลังจากประสูติ สระน้ำกลางสวนลุมพินี และสิ่งอื่น ๆ อีกตามสมควร ณ สวนลุมพินีนี้ คณะของเราเวียนเทียน ไหว้พระ สมาธิภาวนา ตามสมควรแก่เวลา
เข้าวัดไทยลุมพินี ทานอาหารเย็น
20.00 น. ร่วมกันขึ้นโรงอุโบสถ เพื่อถวายผ้าป่าช่วยเหลือกิจสงฆ์ที่นี่ ตามกำลงศรัทธาอีกวัดหนึ่ง ซึ่งเป็นวัด 4 และวัดนี้เป็นวัดไทยแห่งเดียวที่มีอยู่ในประเทศเนปาล[/bg_collapse]
[bg_collapse view=”button-orange” color=”#4a4949″ icon=”eye” expand_text=”แสดงโปรแกรมทัวร์วันที่ 5″ collapse_text=”ย่อโปรแกรมทัวร์วันที่ 5″ ]
วันศุกร์ ที่ 09 มีนาคม 2561 (แรม 8 ค่ำ เดือน 4) (ลุมพินีวัน-กบิลพัสตร์-สาวัตถี)
06.00 น. ทานอาหารเช้า
06.30 น. เสร็จภารกิจแล้วเดินทางกลับเข้าอินเดียอีกครั้งหนึ่ง
08.30 น. ร่วมถวายผ้าป่าที่วัดไทย 960 1 กองที่นี่ อันเป็นกองที่ 5
09.30 น. เดินทางต่อไปเมือง สาวัตถี
อาหารเที่ยงระหว่างทาง แวะนมัสการพระเจดีย์เมืองกบิลพัสตร์ (ตามหลักฐานของอินเดีย)
15.00 น. ถึง เมืองสาวัตถี เดินทางไปสักการะพระมหาวิหารเชตะวัน อันเป็น มหาวิหารที่พระพุทธเจ้าทรงจำพรรษามากที่สุด ถึง 25 พรรษา พระมหาวิหารนี้ ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีได้ สละทรัพย์ถึง 540 ล้าน รวมทั้งซื้อที่ดิน 180 ล้าน ค่าก่อสร้าง 180 ฉลองอีก 6 เดือน สิ้นเงิน 180 ล้าน พระพุทธองค์ทรงแสดงธรรมมากมาย ณ ที่นี่ สิกขาบทสำหรับภิกษุณีเกือบทั้งหมดทรงบัญญัติที่นี่ นางวิสาขา นำเครื่องประดับที่ชื่อว่า หงสลดามาลืมไว้ที่นี่ พระอานนท์เก็บไว้ และเป็นเหตุให้นางได้ขายเครื่องประดับนี้ สร้างวัดบุพพาราม เป็นโลหปราสาท พัน ห้อง อนึ่ง ภายในพระวิหารเชตะวัน มีสิ่งสำคัญให้ดูชม และสักการะมากมาย เช่น อานันทโพธิ์ พระคันธกุฏี กุฏิพระสีวลี ธรรมสภา เป็นต้น คณะของไหว้พระ สมาธิภาวนา ได้เวลาพอสมควร เดินทางไปชมเจตยานุสรณ์สถานบ้านองคุลิมาลและบ้านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ณ เมืองนี้ มีผู้ที่แม่ธรณีได้เปิดประตูรับไว้ ใต้ ปฐพี ถึง 3 ท่านด้วยกัน คือ นางจิญจมาณาวิกา ผู้ใส่ใคร้และกล่าวตู่พระพุทธองค์ นันทมาณพ ผู้ข่มขืนภิกษุณีอรหันต์ และพระเทวทัตต์ ผู้สร้างบาปกรรมไว้ นานัปประการ มีการทำสังฆเภท และทำโลหิตุปบาท เป็นต้น คณะของเราไหว้พระ สมาธิภาวนา และทำประทักษิณรอบพระคันกุฏี ทั้งอานันทโพธิ์ จนกระทั่ง ได้เวลาพอสมควร
18.00 น. ทานอาหารเย็นที่วัดไทยเชตะวัน และถวายผ้าป่าช่วยเหลือกิจสงฆ์ที่นี่อีก 1 กองซึ่งเป็นกองที่ 6 และพักผ่อนตามอัธยาศัย[/bg_collapse]
[bg_collapse view=”button-orange” color=”#4a4949″ icon=”eye” expand_text=”แสดงโปรแกรมทัวร์วันที่ 6″ collapse_text=”ย่อโปรแกรมทัวร์วันที่ 6″ ]
วันเสาร์ ที่ 10 มีนาคม 2561 (แรม 9 ค่ำ เดือน 4) (สาวัตถี – พาราณสี)
06.00 น. ทานอาหารเช้า
07.00 น. ออกเดินทางต่อไปเมืองพาราณสี
11.30 น. อาหารเที่ยงระหว่างทาง
15.30 น. เดินทางไป เข้าชมพิพิธภัณฑ์เมืองสารนาถ ซึ่งมีพระพุทธรูปที่สวยที่สุดในโลกประดิษฐานอยู่ เป็นพระพุทธรูปศิลาปางปฐมเทศนา นอกจากนี้จะนำคณะไปชมภายในป่าอิสิปตนมฤคทายวัน ภายในนี้ เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า สารนาถ ซึ่งมีสิ่งสำคัญดังต่อไปนี้ 1) ธัมเมกขสถูป พระเจดีย์อนุสรณ์สถานที่ทรงแสดงพระปฐมเทศนา คณะนำกล่าวคำบูชา ไหว้พระ สมาธิภาวนา และเวียนเทียนที่นี่ด้วย 2) ธัมมราชิกาสถูป พระเจดีย์อนุสรณ์สถานที่ทรงแสดงอนัตตลักขณสูตร 3) มูลคันธกุฎี สถานที่พระพุทธเจ้าประทับ 4) เสาศิลาจารึกพระเจ้าอโศก 5) ปัญจายตนเจดีย์ สถานที่พระยสะพบพระพุทธเจ้า และเมื่อได้ฟังธรรมะ คือ อนุปุพพีกถาและอริยสัจจ์ 4 แล้วได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ ณ ตรงนี้ 6) เจดีย์ราย ซึ่งเป็นที่เก็บอัฐิธาตุของพระอรหันต์อีกมากมาย 7) ซากอาคารกุฏิพระสงฆ์ 8) สวนกวาง ท่านสามารถซื้ออาหารให้กวางได้ด้วย มีนกยูงให้ดูชมด้วย ออกจากป่าอิสิฯ ก็กลับไปทานอาหารเที่ยงที่วัดไทยสารนาถอีกครั้งหนึ่ง
18.00 น. ถึงวัดไทยสารนาถ เมืองพาราณสี ทานอาหารเย็น และพักผ่อนตามอัธยาศัย[/bg_collapse]
[bg_collapse view=”button-orange” color=”#4a4949″ icon=”eye” expand_text=”แสดงโปรแกรมทัวร์วันที่ 7″ collapse_text=”ย่อโปรแกรมทัวร์วันที่ 7″ ]
วันอาทิตย์ ที่ 11 มีนาคม 2561 (แรม 10 ค่ำ เดือน 4) (พาราณสี – พุทธคยา)
05.00 น. ขึ้นรถไปชมวัฒนธรรมประเพณี ณ ฝั่งแม่น้ำคงคา เช่นพิธีอาบน้ำล้างบาป
08.00 น. กลับมาทานอาหารเช้าที่วัดไทยสารนาถ
08.30 น. เข้าโรงอุโบสถ ร่วมกันถวายผ้าป่าที่นี่อีกกองหนึ่ง อันเป็นกองที่ 7 พร้อมทั้งร่วมสมทบผ้าป่า เพื่อกองทุนการศึกษา พระนักศึกษา ปริญญาโท-เอก อีกกองหนึ่ง เป็นผ้าป่า กองที่ 8
09.30 น. เดินทางกลับพุทธคยา
11.30 น. อาหารเที่ยงระหว่างทาง
14.00 น. นำชมวัดนานาชาติวัดนานาชาติที่เข้าชมมี 1) วัดภูฐาน เป็นวัดที่สวยงามมาก ศิลปะฝาผนังเป็นภาพปั้นนูน แสดงพุทธประวัติ ตั้งแต่พระมารดาทรงพระสุบินว่า มีพระยาช้างเผือก นำดอกบัวมาและเข้าสู่พระครรภ์ของพระนาง จนกระทั่งถึงพระพุทธองค์เสด็จดับขันธ ปรินิพพาน 2) วัดทิเบต อีกวัดหนึ่งสวยงามไม่น้อย แต่ภาพฝาผนังเป็นภาพวาดเกี่ยวกับประวัติเช่นเดียวกัน ยิ่งพระพุทธรูป ของภูฐานและทิเบตสวยงามยิ่งนัก 3) วัดญี่ปุ่น คณะของเราจะเข้านมัสการพระพุทธรูปศิลาที่ใหญ่ที่สุดแถบนั้น ซึ่งทำด้วยหินทรายแดง แกะสลักและนำมาต่อกันเป็นชิ้น และงดงามยิ่งนัก เช่นกัน 4) วัดไทยพุทธคยา ซึ่งเป็นวัดแรกของไทยที่ไปสร้างไว้ในดินแดนพุทธภูมิ เริ่มมาตั้งแต่ปี 2500 มีอุโบสถเด่นสง่า จำลองรูปแบบจากวัดเบญจมฯ กรุงเทพฯ ภาพวาดภายในก็วิจิตรงดงาม ซึ่งเป็นภาพประวัติ พระมหาชนก และเจดีย์สังเวชนียสถาน 4 ตำบล และเราสามารถดูภาพมายาเทวีวิหารที่ลุมพินีวัน สถานที่ประสูติของเก่า ก่อนจะซ่อมแซมได้ พระพุทธรูปก็งดงามตามแบบฉบับของศิลป์ไทย
เดินทางไปชมเจตยานุสรณ์บ้านนางสุชาดา อยู่ทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำ เนรัญชรา ณ ที่นี้ จะชี้ให้ดูภูเขาดงคสิริ ที่บำเพ็ญทุกกรกิริยาของพระพุทธเจ้าก่อนตรัสรู้ อชปาลนิโครธ ที่ทรงเสวยวิมุตติสุข สัปดาห์ที่ 5 สระมุจจลินทร์ สัปดาห์ที่ 6 และต้นราชายตนะ สัปดาห์ที่ 7 ซึ่งสามารถที่จะชี้ให้ดูตามทิศทางที่ปรากฏในพระไตรปิฎก จากนั้นนำไปชมสถานที่ลอยถาด ที่ฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา หลังจากเสวยข้าวมธุปายาสของนางสุชาดาแล้ว ที่นี่พระองค์ทรงอธิษฐานความว่า “ถ้าพระองค์จักได้บรรลุเป็นพระอรหันตสัมมา สัมพุทธเจ้าแล้ว ขอให้ถาดได้ลอยทวนกระแสน้ำ” และถาดได้ลอยทวนกระแสน้ำจริง
18.00 น. กลับเข้าที่พักวัดลาวพุทธคยานานาชาติ รับประทานอาหาร และพักผ่อน[/bg_collapse]
[bg_collapse view=”button-orange” color=”#4a4949″ icon=”eye” expand_text=”แสดงโปรแกรมทัวร์วันที่ 8″ collapse_text=”ย่อโปรแกรมทัวร์วันที่ 8″ ]
วันจันทร์ ที่ 12 มีนาคม 2561 (แรม 11 ค่ำ เดือน 4) (พุทธคยา)
08.00 น. รับประทานอาหาร และไปนมัสการองค์พระมหาเจดีย์พร้อมทั้งพระพุทธเมตตาอีกรอบหนึ่งก็จะได้บุญอีกโขทีเดียว หรือท่านใดจะซื้อของก็ตามอัธยาศัย
11.30 น. อาหารเที่ยงที่วัดลาวพุทธคยานานาชาติและถวายผ้าป่าช่วยเหลือกิจของสงฆ์ตาม กำลังศรัทธาเป็นกองที่ 9
12.30 น. อิสระพักผ่อน
14.00 น. นำคณะชมตลาดรอบๆ พุทธคยา ท่านใดจะหาซื้อของฝากคนที่รักก็หาซื้อได้บริเวณนี้ อาทิ เช่น ผ้าพันคอ ล็อคเก๊ตพระ รูปภาพ 3 มิติ พระพุทธเจ้า เจดีย์พุทธคยา พระพุทธเมตตา หินทิเบต
18.00 น. รับประทานอาหารที่วัดลาวพุทธคยานานาชาติเรียบร้อยแล้วพักผ่อนตามอัธยาศัย[/bg_collapse]
[bg_collapse view=”button-orange” color=”#4a4949″ icon=”eye” expand_text=”แสดงโปรแกรมทัวร์วันที่ 9″ collapse_text=”ย่อโปรแกรมทัวร์วันที่ 9″ ]
วันอังคาร ที่ 13 มีนาคม 2561 (แรม 12 ค่ำ เดือน 4) (พุทธคยา-กัลกัตตา)
06.00 น. ทานอาหารเช้า
07.30 น. ขึ้นรถเดินทางสนามบินกัลกัตตา
11.30 น. อาหารเที่ยงบนรถ
17.00 น. อาหารเย็นที่สนามบิน
19.00 น. ถึงสนามบินกัลกัตตา พร้อมเช็คอินสายการบินสไปซ์เจ็ต เที่ยวบิน ที่ SG 83[/bg_collapse]
[bg_collapse view=”button-orange” color=”#4a4949″ icon=”eye” expand_text=”แสดงโปรแกรมทัวร์วันที่ 10″ collapse_text=”ย่อโปรแกรมทัวร์วันที่ 10″ ]
วันพุธ ที่ 14 มีนาคม 2561 (แรม 13ค่ำ เดือน 4) (กัลกัตตา-กรุงเทพฯ)
00.05 น. เครื่องออกจากสนามบิน
04.10 น. เครื่องถึงสนามบินสุวรรณภูมิ พร้อมเช็คเอาท์ และรับกระเป๋าและแยกย้ายกันกลับภูมิลำเนาของตนๆ โดยสวัสดิภาพ
หมายเหตุ: การเดินทางอาจมีปัญหาเฉพาะหน้า ผู้บริการของสงวนสิทธิ์ที่จะแก้ไขสับเปลี่ยนรายการตามความจำเป็นและเหมาะสม แต่จะรักษาผลประโยชน์ของท่านตามสิทธิ์ที่มี และจะแจ้งให้ผู้เดินทางทราบก่อนทุกครั้ง[/bg_collapse]
[bg_collapse view=”button-green” color=”#4a4949″ icon=”eye” expand_text=”แสดงข้อมูลราคา” collapse_text=”ย่อข้อมูลราคา” ]
รูปละ 27,500 บาท (สองหมื่นเจ็ดพันห้าร้อยบาท)
สำหรับ
1. พระสงฆ์
– รูปในหน้าพาสปอร์ตเป็นพระ
– คำนำหน้าในหน้าพาสปอร์ตเป็นพระหรือเกี่ยวกับพระ
– มีสำเนาหนังสือสุทธิครบหน้าตามที่ระบุ
2. แม่ชี
– ต้องมีหนังสือสุทธิบรรณ เท่านั้น
ท่านละ 29,500 บาท (สองหมื่นเก้าพันห้าร้อยบาท)
สำหรับ
ฆราวาสและแม่ชีที่ไม่มีสุทธิบรรณ
อัตรานี้รวม
– ค่าตั๋วเครื่องบินไป-กลับ ชั้นประหยัด ตามโปรแกรมทัวร์
– ค่าภาษีสนามบินทุกแห่งและค่าประกันภัยสายการบิน
– ค่าธรรมเนียมวีซ่าอินเดีย และวีซ่าเนปาล
– ค่าที่พัก
– ค่าอาหารทุกมื้อ (ตามระบุในรายการ)
– น้ำดื่มบนรถ และผลไม้ กาแฟ โอวัลติน และอาหารพิเศษเพิ่มเติมที่นําไปจากเมืองไทยดูแลท่านตลอดการเดินทาง
– ค่าธรรมเนียมเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ตามที่ระบุในรายการ
– ค่ารถโค้ชปรับอากาศนำเที่ยว
– หัวหน้าทัวร์คนไทยและไกด์ท้องถิ่นคอยอํานวยความสะดวกตลอดการเดินทาง
– คนขับรถ / ผู้ช่วยคนขับ (หากมี)
– เจ้าหน้าที่ผู้ประสานงานจากบริษัททัวร์ ฯ
– ค่าประกันอุบัติเหตุวงเงินสูงสุด ทั้งนี้ ตามกฎเกณฑ์บริษัทฯ ผู้รับประกัน
อัตรานี้ไม่รวม
– ค่าใช้จ่ายในการเดินทางมาทำ Visa
– ค่าน้ำหนักเกินพิกัดของกระเป๋าเดินทางในกรณีที่เกินกว่าสายการบินกำหนด
– ค่าอาหาร และเครื่องดื่มที่สั่งเพิ่ม
– ค่าใช้จ่ายส่วนตัว เช่น ค่าโทรศัพท์
– ค่านำกล้องถ่ายรูป / กล้อง VDO ในบางสถานที่
– ค่าทิปต่าง ๆ เช่น คนขับ ไกด์ท้องถิ่น คนยกกระเป๋า (เก็บเพิ่ม คนละ 300 บาทตลอดรายการ)
– ค่าจัดทำหนังสือเดินทาง ( PASSPORT) ของคนต่างชาติ
– ค่าใช้จ่ายอื่นๆ นอกเหนือจากที่ระบุไว้ในรายการ
– ค่าธรรมเนียมน้ำมันของสายการบิน (ถ้ามี)
– ค่าวีซ่าที่มีค่าธรรมเนียมแพงกว่าหนังสือเดินทางไทย
– ค่าภาษีหัก ณ ที่จ่าย 3% ภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% (กรณีออกใบกำกับภาษี)
– ค่าเข้าชมที่นอกเหนือจากรายการ[/bg_collapse]
[bg_collapse view=”button-green” color=”#4a4949″ icon=”eye” expand_text=”แสดงเงื่อนไขการชำระเงินและการจัดส่งเอกสาร” collapse_text=”ย่อเงื่อนไขการชำระเงินและการจัดส่งเอกสาร” ]
– งวดแรก ชำระค่ามัดจำ 10,000 บาท (จะรับว่าจองแล้วต่อเมื่อจ่ายค่ามัดจำแล้ว เท่านั้น)
– ส่วนที่เหลือ ทั้งหมด โดยการโอนเงินเข้าบัญชีธนาคาร ก่อนการเดินทางอย่างน้อย 25 วัน คือ ก่อนวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2561 ท่านที่คิดว่าจะร่วมเดินทางให้รีบจอง มิฉะนั้นอาจจะพลาดขบวน
– หลังจากจองและชำระค่ามัดจำเรียบร้อยแล้ว ท่านต้องรีบส่ง Passport และเอกสารทั้งหมดเพื่อทำวีซ่าอินเดียและเนปาล มาให้บริษัทฯ โดยเร็ว หากล่าช่า อาจทำให้เกิดปัญหาในการทำวีซ่าได้ คือ เมื่อท่านจองเสร็จก็ต้องรีบเตรียมเอกสารและรีบจัดส่งเอกสาร หรือ กรณีที่ท่านมาเป็นกลุ่ม ก็ต้องรีบเก็บรวบรวมเอกสารและส่งมาพร้อม ๆ กัน โดยเร็วที่สุด
โดยส่งเอกสารแบบด่วน EMS (ห้ามส่งแบบธรรมดาหรือลงทะเบียน) ไปที่
ทรายทิพย์ หร่ายเกษม
117/204 ถ.สายไหม ซ.64
แขวงออเงิน เขตสายไหม
กรุงเทพฯ 10220
โทร. 081-425-9350, 081 895-2009
หมายเหตุ: ก่อนจัดส่งเอกสาร กรุณาตรวจสอบความถูกต้องด้วยครับ โดยเฉพาะรูปถ่าย และเอกสารต้องถูกต้องและตรงกับกฎระเบียบของสถานทูตครับ[/bg_collapse]
[bg_collapse view=”button-green” color=”#4a4949″ icon=”eye” expand_text=”แสดงวิธีการชำระเงิน” collapse_text=”ย่อวิธีการชำระเงิน” ]
– งวดแรก ชำระค่ามัดจำ 10,000 บาท โดยการโอนเงินเข้าบัญชีธนาคาร (จะรับว่าจองแล้วต่อเมื่อจ่ายค่ามัดจำแล้วเท่านั้น)
– ส่วนที่เหลือ ชำระส่วนที่เหลือทั้งหมด โดยการโอนเงินเข้าบัญชีธนาคาร ก่อนการเดินทางอย่างน้อย 25 วัน คือ ก่อนวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2561
บัญชีธนาคาร
ชื่อบัญชี น.ส.ราตรี ฉุยฉาย
ชื่อธนาคาร ธนาคารกรุงเทพ
สาขา บิ๊กซีสายไหม
เลขที่บัญชี 014-7-02710-6
การโอนให้โอนเข้าบัญชีนี้บัญชีเดียวเท่านั้น หากท่านโอนเข้าบัญชีอื่น ถืิอว่าไม่เป็นการจอง และเนื่องจากยอดการโอนซ้ำกัน เพื่อให้ทางบริษัทสามารถตรวจสอบได้ว่าใครเป็นผู้โอน จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ ท่านต้องส่งแฟกซ์สลิปใบโอนเงิน (Payin) พร้อมเขียนโปรแกรมทัวร์ที่ท่านจะเดินทาง เบอร์โทรศัพท์ของท่าน ไว้ในนั้นด้วย
ส่งแฟกซ์มาที่ โทรสาร 02-991-8271[/bg_collapse]
[bg_collapse view=”button-red” color=”#ffffff” icon=”eye” expand_text=”แสดงเอกสารที่ต้องใช้ในการขอวีซ่า” collapse_text=”ย่อเอกสารที่ต้องใช้ในการขอวีซ่า” ]
เอกสารที่ต้องใช้
(เอกสารนี้ อาจเปลี่ยนแปลงตามกฎระเบียบของสถานทูตอินเดีย)
1. แบบฟอร์มการจองโปรแกรมทัวร์ ซึ่งเป็นใบที่ระบุรายละเอียดต่าง ๆ ที่จำเป็นต้องใช้ในการนำมากรอกฟอร์มขอวีซ่าออนไลน์ ดังนั้น ต้องกรอกข้อมูลให้สมบูรณ์ที่สุด (คลิ๊ก…เพื่อกรอกข้อมูลออนไลน์ส่งตรงถึงเรา)
2. หนังสือเดินทาง (Passport) ที่มีอายุการใช้งานเหลือไม่น้อยกว่า 6 เดือน นับจากวันเดินทางกลับ
3. หนังสือเดินทาง (Passport) ต้องมีหน้าว่าง ๆ สำหรับประทับตราวีซ่าและตราเข้า-ออก อินเดียและเนปาล อย่างน้อย 4 หน้าเต็ม
4. รูปถ่ายสี พื้นหลังสีขาว ขนาด 2 x 2 นิ้ว จำนวน 5 รูป
รูปถ่ายต้องมีลักษณะถูกต้อง ครบทุกข้อ ดังนี้
– รูปถ่ายสี จะต้องมีขนาด 2 x 2 นิ้ว ไม่รวมขอบ (ความสูง 2 นิ้ว ความกว้าง 2 นิ้ว เท่านั้น กรณีสูง 2 นิ้ว แต่กว้างไม่ถึง 2 นิ้ว ไม่สามารถใช้ได้)
– พื้นหลังจะต้องเป็นสีขาวเท่านั้น ห้ามเป็นสีอื่น
– รูปจะต้องเป็นรูปที่สามารถเห็นหน้าเต็ม, หน้าตรง, และลืมตา สามารถมองเห็นดวงตาได้ชัดเจน ไม่สวมแว่นตาดำ
– ศีรษะจะต้องอยู่ตรงกลาง และจะต้องเห็นตั้งแต่บนศีรษะจนถึงปลายคางอย่างชัดเจน
– จะต้องไม่มีเงาตกกระทบหรือบดบังใบหน้า
– ไม่มีกรอบ ไม่มีขอบ
– ไม่ใส่ชุดข้าราชการ
– รูปต้องเห็นไหล่ทั้ง 2 ข้าง
– ต้องไม่ใช่สติ๊กเกอร์ หรือรูปพริ้นซ์จากคอมพิวเตอร์
– เป็นรูปใหม่ที่ถ่ายไม่เกิน 6 เดือน (สำหรับท่านที่เคยไปอินเดียแล้ว ห้ามซ้ำกับหน้าวีซ่าอินเดียล่าสุด)
– ห้ามเขียนชื่อ หรือข้อความหลังรูปถ่าย เพราะเมื่อนำรูปมาซ้อนกัน น้ำหมึกปากกาจะเลอะติดรูปถ่ายได้ ทำให้รูปถ่ายนั้นไม่สามารถใช้ได้ หากต้องการเขียน อนุญาตให้เขียนเพียงรูปใดรูปหนึ่งเท่านั้น และนำไปซ้อนไว้รูปหลังสุด
– รูปจะต้องแสดง ตั้งแต่ปลายผมจนถึงคาง ศีรษะควรมีขนาด 1 นิ้ว ถึง 13/8 นิ้ว (25-35 มิลลิเมตร)
– ตั้งแต่ ขอบตาล่างถึงขอบล่างของรูปหรือขอบล่างของเสื้อ จะต้องอยู่ในช่วงระหว่าง 11/8 นิ้ว ถึง 13/8 นิ้ว
กรณี ที่รูปถ่ายมีลักษณะไม่ถูกต้องตามลักษณะที่สถานทูตตั้งไว้ทุกข้อ ท่านต้องถ่ายรูปใหม่ ที่สถานทูต ราคา 200 บาท
5. สำหรับพระภิกษุ ต้องใช้หนังสือ สุทธิ ที่ประกอบด้วยหน้าสถานะเดิม, บรรพชา,อุปสมบท,สังกัดวัด, และกรณีที่ได้ตำแหน่ง เช่น พระครู ต้องมีหน้าที่ ระบุว่าได้ตำแหน่งด้วย (ไม่สามารถใช้บัตรประชนที่เป็นพระหรือบัตรพระสังฆาธิการแทนได้)
6. สำหรับแม่ชี ต้องใช้สำเนา บัตรประจำตัวประชาชน พร้อมเซ็นต์รับรองสำเนาถูกต้อง และเขียนรายละเอียดกำกับด้วยว่า “ใช้สำหรับทำ VISA อินเดียเท่านั้น” และสำเนาหนังสือสุทธิบรรณ
7. สำหรับฆราวาส ต้องใช้บัตรประจำตัวประชาชน พร้อมเซ็นต์รับรองสำเนาถูกต้อง และเขียนรายละเอียดกำกับด้วยว่า “ใช้สำหรับทำ VISA อินเดียเท่านั้น” ห้ามเขียนเป็นอย่างอื่นโดยเด็ดขาด บางรายเขียนกำกับว่า “ใช้สำหรับทำหนังสือเดินทางเท่านั้น” ซึ่งถือว่าผิด
(ถ้าเป็นเด็กอายุต่ำกว่า 7 ปี ใช้สําเนาสูติบัตร พร้อมผู้ปกครองเซ็นรับรองในสำเนาสูติบัตรด้วย)
8. สำเนาทะเบียนบ้าน พร้อมเซ็นต์รับรองสำเนาถูกต้อง และเขียนรายละเอียดกำกับด้วยว่า “ใช้สำหรับทำ VISA อินเดียเท่านั้น”
9. กรณีที่ลูกค้าถือหนังสือเดินทางสัญชาติไทย ใช้เวลาในการทำวีซ่าอินเดียและเนปาล อย่างน้อย 10 วันทําการ ไม่นับรวมวันหยุด เสาร์ – อาทิตย์
10. กรณีที่ลูกค้าถือหนังสือเดินทางสัญชาติอเมริกาหรือพาสปอร์ตต่างชาติ ใช้เวลาในการทำวีซ่าอินเดียและเนปาล อย่างน้อย 12 วันทําการ ไม่นับรวมวันหยุด เสาร์ – อาทิตย์ (พาสปอร์ตต่างชาติเก็บเพิ่ม 1,500 บาท ต่อท่าน, พาสปอร์ตอเมริกาเก็บเพิ่ม 2,500 บาท ต่อท่าน)
11. ใบรับรองการงาน (หรือ work permit) สำหรับลูกค้าถือหนังสือเดินทางสัญชาติอเมริกาหรือพาสปอร์ตต่างชาติ (หากมี)[/bg_collapse]
[bg_collapse view=”button-red” color=”#ffffff” icon=”eye” expand_text=”แสดงการขอวีซ่า” collapse_text=”ย่อการขอวีซ่า” ]
ขั้นตอนการยื่นขอวีซ่าอินเดีย
เนื่องจากปัจจุบัน ผู้ขอวีซ่าอินเดียต้องทำการ Scan ลายนิ้วมือด้วย ดังนั้น เมื่อทางสังคมทัวร์ดำเนินกรอกข้อมูลและเตรียมเอกสารสำหรับยื่นขอวีซ่าอินเดียเสร็จแล้ว จะนัดท่านเพื่อไปดำเนินการยื่นขอวีซ่า ณ ศูนย์รับยื่นวีซ่าอินเดีย บริษัท VFS ซึ่งตั้งอยู่ที่ P.S. TOWER (ไทยประกันชีวิต) ชั้น 10 ตึกจะอยู่ฝั่งเดียวกับตึกแกรมมี่ (ตรงข้ามกับอาคาร เสริมมิตร) ถ.สุขุวิท 21 กรุงเทพมหานคร ทั้งนี้ต้องขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเป็นกฎระเบียบของสถานทูตอินเดีย คณะควรเดินทางมาถึงก่อน 08.30 น. หรือตามเวลานัดหมาย เพื่อจะได้คิวแรก ๆ และไม่เสียเวลารอคิวนาน
ข้อแนะนำในการเดินทาง
– ขับรถเข้ามาทาง ถ.เพชรบุรี, พระราม 9, แยกฟอร์จูน จะสะดวกกว่าเพราะไม่ต้องหาทางกลับรถเข้าตึก ตรงมาจอดในตึกได้เลย
– ขับรถเข้าทาง ซ.สุขุมวิท 23 และวนออก ซ.ชิโนไทย และจอดรถที่อาคารของชิโน (Sino-Thai Tower)
– นั่ง BTS ลงสถานีอโศก เดินมา หรือ นั่งมอเตอร์ไซต์ ตรงมา 100 เมตร ก็ถึงตึก
** อัตราค่าจอดรถยนต์และรถจักรยานยนต์ ชม.ละ 10 บาท มีตราประทับจอดฟรี 1 ชม. **[/bg_collapse]
[bg_collapse view=”button-red” color=”#ffffff” icon=”eye” expand_text=”แสดงเงื่อนไขโปรแกรมทัวร์” collapse_text=”ย่อเงื่อนไขโปรแกรมทัวร์” ]
เงื่อนไขการขอยกเลิกทัวร์
– ขอยกเลิกหลังการจองสมบูรณ์แล้ว บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการเก็บค่าธรรมเนียมอย่างน้อยท่านละ 1,000 บาท และหักค่าใช้จ่ายที่ได้ดำเนินการไปแล้ว เช่น ค่าธรรมเนียมวีซ่า, ตั๋วเครื่องบิน เป็นต้น
– ยกเลิกทัวร์ภายใน 21-15 วันก่อนการเดินทาง บริษัทฯ จะริบเงินเฉพาะมัดจำเท่านั้น
– ยกเลิกทัวร์ภายใน 14-8 วันก่อนการเดินทาง บริษัทฯ จะริบเงิน 50% ของราคาทัวร์
– ยกเลิกทัวร์น้อยกว่า 8 วันก่อนการเดินทาง บริษัทฯ จะไม่คืนเงินทั้งหมด
– การไม่มาตามกำหนดนัดหมาย บริษัทฯ ของสงวนสิทธิ์ในการยกเลิก และริบเงินมัดจำ
– กรณีเจ็บป่วย จนไม่สามารถเดินทางได้ ซึ่งจะต้องมีใบรับรองแพทย์จากโรงพยาบาลรับรอง บริษัทฯ จะทําการเลื่อนการเดินทางของท่านไปยังคณะต่อไป แต่ทั้งนี้ท่านจะต้องเสียค่า ใช้จ่ายที่ไม่สามารถเรียกคืนได้ คือ ค่าธรรมเนียมในการมัดจําตั๋ว และค่าธรรมเนียมวีซ่าตามที่สถานทูตฯ เรียกเก็บ ในกรณีที่ไม่สามารถเดินทางได้
– กรณียื่นวีซ่าแล้วไม่ได้รับการอนุมัติวีซ่าจากทางสถานฑูต (วีซ่าไม่ผ่าน) และท่านได้ชําระค่าทัวร์หรือมัดจํามาแล้ว ทางบริษัทฯ คืนค่าทัวร์หรือมัดจําให้ แต่ทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการหักค่าบริการยื่นวีซ่า ,ค่าวีซ่า และค่าใช้จ่ายบางส่วนที่เกิดขึ้นจริงเป็นกรณีไป (อาทิ กรณีออกตั๋วเครื่องบินไปแล้ว หรือได้ชําระค่าบริการในส่วนอื่นที่เกี่ยวข้องไปแล้ว) ทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์ ในการหักเก็บค่าใช้จ่ายจริงที่เกิดขึ้นแล้วกับท่านเป็นกรณีไป
หมายเหตุ
– สังคมทัวร์ เป็นเพียงตัวแทนในการจัดนำเที่ยว ในการจัดหาที่พัก อาหาร และพาหนะเดินทาง เช่น เครื่องบิน รถ เรือ ฯลฯ เพื่ออำนวยความสะดวกสบายและเกิดประโยชน์สูงสุดในการเดินทาง ทั้งนี้บริษัทฯ ไม่สามารถรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในอุบัติเหตุหรือความเสียหาย อันเกิดจากที่พัก ยานพาหนะ รวมถึงภัยธรรมชาติ , โจรกรรม, วินาศกรรม, อัคคีภัย, การผละงาน , การจลาจล, สงครามการเมือง , การผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศ , การนัดหยุดงาน , ความล่าช่าของเที่ยวบิน, สายการเดินเรือ, รถไฟ, พาหนะท้องถิ่น , ตลอดจนการถูกปฏิเสธออกวีซ่าจากกงสุล และ / หรือ ส่วนงานที่เกี่ยวข้องกับสถานเอกอัครราชทูต รวมถึงผู้มีอํานาจทําการแทนประจําประเทศไทย (โดยไม่จําต้องแสดงเหตุผล เนื่องจากเป็นสิทธิพิเศษทางการทูต ) ซึ่งอยู่เหนือการควบคุมของบริษัทฯ แต่ทางบริษัทฯ มีความคุ้มครอง และประกันอุบัติเหตุ ตามเงื่อนไขที่บริษัทผู้รับประกันกำหนด
– ในกรณีที่ผู้ร่วมเดินทางถูกปฏิเสธโดยเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองของประเทศ ไทย และ /หรือ ต่างประเทศ มิให้เดินทางออก หรือ เข้าประเทศ เนื่องมาจากความประพฤติ พฤติกรรมของผู้เดินทางไม่ปฏิบัติตามกฎระเบียบ ด้านการความคุมโรคติดต่อเฉพาะพื้นที่ มีการปลอมแปลงเอกสารเพื่อการเดินทาง รวมถึงมีสิ่งผิดกฎหมาย ถือว่าเป็นเหตุผลและกฎหมายระหว่างประเทศ บริษัทฯ จะไม่คืนค่าบริการไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนได้
– เนื่องจากรายการทัวร์ที่ตีพิมพ์ในเอกสารนี้มีระยะการใช้เฉพาะวันเดินทางที่ กำหนด บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ที่จะยกเลิก เปลี่ยนแปลงกำหนดการเดินทาง รายละเอียด และราคา ตามความเหมาะสมและความจำเป็นที่เกิดขึ้น โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้การขอสงวนสิทธิดังกล่าว บริษัทฯ จะยึดถือและคํานึงถึงผลประโยชน์ตลอดจนความปลอดภัยของท่านซึ่งร่วมเดินทาง เป็นสําคัญ
– ระหว่างการเดินทาง ถ้าท่านไม่ได้ท่องเที่ยวพร้อมคณะหรือถอนตัวออกจากคณะ ถือว่าท่านสละสิทธิ์
– ราคาทัวร์เป็นราคาสำหรับคนไทย สำหรับชาวต่างชาติอาจต้องมีการชำระค่าธรรมเนียมเข้าสถานที่ หรือค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เพิ่มนอกเหนือจากคนไทย ตามอัตราที่แตกต่างจากคนไทยในแต่ละสถานที่
– แต่งกาย ตามความเหมาะสม แต่ควรมีชุดขาว 1 ชุด แต่งตอนไปสักการะต้นพระศรีมหาโพธิ์
– รายการนี้อาจจะเปลี่ยนแปลงได้บ้างตามความเหมาะสมของเวลา และสถานการณ์[/bg_collapse]
[bg_collapse view=”button-red” color=”#ffffff” icon=”eye” expand_text=”แสดงการเตรียมตัวเดินทาง” collapse_text=”ย่อการเตรียมตัวเดินทาง” ]
การเตรียมตัวเดินทางไปนมัสการสังเวชนียสถาน 4 ตำบล (อินเดีย-เนปาล)
ข้อมูลต่อไปนี้เป็นส่วนหนึ่งของแนวทางการในการเตรียมตัว เตรียมใจ เตรียมเอกสาร เตรียมสัมภาระ จัดกระเป๋าเดินทาง ตลอดถึงสิ่งของที่จำเป็นต้องใช้ในการเดินทางในครั้งนี้ กรุณาอ่านเอกสารนี้ให้เข้าใจ จะได้สะดวกสบายในการเดินทาง
๑. สิ่งของที่ควรจัดเตรียมให้พร้อม
• ผ้าหรือสิ่งที่ใช้ปูนั่ง สวดมนต์ เจริญภาวนา
• ธูป เทียน ทองคำเปลว เครื่องบูชาพระ
• ไฟฉายเล็กๆ เนื่องจากไฟฟ้าในประเทศอินเดียดับบ่อยมาก และใช้สำหรับลงรถในเวลากลางคืน
• ยาสีฟัน แปรง สบู่ เครื่องสำอาง ยาสำหรับโรคประจำตัว ยาทากันยุง ร่มเล็กๆสำหรับกันแดด
• รองเท้าที่สวมสบาย ถอด-ใส่ง่าย หรือรองเท้าผ้าใบและถุงเท้าสีดาด้วย
• ร่มกันแดด หมวก หรือผ้าคลุมกันฝุ่น ครีมกันแดด แว่นตากันแดด
• ยาที่จำเป็นต้องเตรียมเนื่องจากในอินเดียแพงและหาซื้อยาก
• ถุงนอน 1 ผืน เสื้อคุมกันหนาว 1 ตัว (ผู้แสวงบุญ เครื่องแต่งกายควรมีสีขาว)
• หมวกไหมพรม 1 ใบ
• ผ้าปิดจมูกกันฝุ่นอย่างน้อย 10 ผืน
• ถุงมือ , ถุงเท้า
** การจัดกระเป๋าเดินทาง กระเป๋าใบใหญ่ต้องมีกุญแจล็อค ขอความกรุณาจัดสัมภาระและขนาดของกระเป๋า ตามความจำเป็นจริงๆ ซึ่งถ้ากระเป๋าใบใหญ่มาก และหลายๆคนกระเป๋าก็อาจจะไม่มีที่ว่างพอที่จะบรรจุสิ่งของในห้องเก็บของของ รถทัวร์ได้ (และสายการบิน-อนุญาตให้มีสัมภาระติดตัวโหลดลงเครื่องไม่เกินท่านละ ๒๐ กิโลกรัม หากน้ำหนักเกินต้องชำระค่าปรับเอง)
๒. แนะนำให้ใช้กระเป๋าใบเล็กติดตัวใส่สิ่งของที่จำเป็น ที่ต้องใช้ เช่นกล้องถ่ายรูป ผ้าคลุมผม ยาประจำตัว ผ้าเช็ดหน้า แปรง-ยาสีฟัน เป็นต้น
๓. กระเป๋าที่ท่านมอบให้หัวหน้าทัวร์ดูแล เมื่อท่านจะยกออกกรุณาแจ้งให้หัวหน้าทัวร์ทราบอย่างเป็นทางการเพื่อป้องกัน การสูญหายและสะดวกในการดูแลทั้งที่สนามบินและที่พัก
หมายเหตุ: ของใช้ต่าง ๆเกี่ยวกับน้ำหรือน้ำมันและจำพวกครีม ตลอดจนพวกโลหะมีคม และแบตเตอรี่ อย่านำติดตัวขึ้นบนเครื่องให้นำใส่กระเป๋าเสื้อผ้า เพื่อโหลดไว้ใต้ท้องเครื่องบิน
๔. การแลกเงินอัตราแลกเปลี่ยนโดยประมาณ เงินไทย ๑ บาทแลกได้ ๑ .๓๐ รูปี หรือน้อยกว่าแล้วแต่ธนาคารกำหนด ไม่จำเป็นต้องแลกเงินเป็นดอลล่าร์ไป (แลกเงินรูปีกับผู้ดูแลการเดินทางได้ที่อินเดีย)
๕. กระแสไฟฟ้าที่ใช้ในอินเดีย และเนปาล ใช้ ๒๒๐ โวลท์ ส่วนใหญ่เป็นปลั๊กสามขา รูกลม สำหรับเสียบต้องซื้อ ปลั๊กตัวเสียบต่อ Conversion Plug
๖. ค่าโทรศัพท์สาธารณะ อินเดีย-เนปาล ท่านสามารถใช้บริการตามร้านทั่วไป ที่ติดป้ายบริการอัตราค่าบริการ คิดเป็นนาที ที่พาราณสี นาทีละ ๙ หรือ ๑๒ รูปีบางสถานที่อาจจะแพงกว่า (โปรดอย่าใช้โทรหรือเปิดรับโทรศัพท์มือถือซิมเมืองไทยที่อินเดีย เสียค่าบริการนาทีละเป็นร้อย)
๗. ผู้เดินทางกรุณาจด-จำรายละเอียดส่วนตัวให้ชัดเจน เพื่อความสะดวกต่อการผ่านด่านและเข้าพักบางสถานที่เช่นสีรถ ทะเบียนรถที่เราขึ้น เลขประจำตัว หมายเลขพาสปอร์ต เป็นต้น
[/bg_collapse]